พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
เข้าสู่ระบบ
หน้าแรก
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ค้นหาข้อมูล
เข้าสู่ระบบ
เบี้ยแก้ของหลวง...
เบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ใบประกาศที่2งานนครล่าสุด
@>>>สุดยอดเครื่องรางเบญจภาคี ทั้ง ๕ ชนิด อันประกอบไปด้วย
๑. ตะกรุดมงคลโสฬสของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง
๒. เบี้ยแก้ หลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว
๓. กะลาพระราหูหลวงพ่อน้อยวัดศรีษะทอง
๔. เสือ หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย
๕. หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน
และที่จะกล่าวต่อไปนี้ก็คือหนึ่งในเครื่องรางแห่งเบญจภาคี ที่โดนเอ่ยถึงคือ เบี่ยแก้ หลวงปู่บุญแห่งวัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม จังหวัดที่มีพระเถระที่เพียบพร้อมด้วยเวชวิทยาคมรวมกันอยู่มากที่สุด! ดังเช่นการศึกษาพุทธาคมและการสร้างพระเครื่องและเครื่องรางของหลวงปู่บุญ_การศึกษาพุทธาคมและการสร้างพระเครื่องและเครื่องรางของหลวงปู่บุญ_หลวงปู่บุญถูกจัดอันดับอยู่ในยอดเกจิ ผู้เข้มขลังทางพระเวท ที่มีตบะสมาธิและวิถีแห่งญาณแก่กล้า จนเป็นที่ยอมรับยกย่องของพระคณาจารย์ร่วมยุคร่วมสมัยหลายรูป อาทิเช่น สมเด็จพระสังฆราช (แพ) แห่งวัดสุทัศน์เทพวราราม หลวงพ่อทับ วัดทอง (วัดสุวรรณาราม) คลองบางกอกน้อย หลวงปู่นาค วัดห้วยจรเข้และอีกหลายๆ รูป ด้วยความเชี่ยวชาญเข้มขลังในพระเวททำให้พระเครื่องและวัตถุมงคล ที่หลวงปู่สร้างมีเกียรติคุณ ชื่อเสียงขจรขจาย เป็นที่เสาะแสวงหาของคนรุ่นปู่รุ่นทวดลงมาจนถึงชั้นพวกเรา ด้วยวัตถุมงคลของหลวงปู่ มีมากชนิดและมากด้วยประสบการณ์ จึงทำให้พวกเราต่างอยากจะรู้ว่าครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดพระเวท และพุทธาคมให้กับหลวงปู่คือท่านใดบ้าง เรื่องนี้ได้กล่าวถึงมาบ้างแล้ว ว่าอาจารย์ของหลวงปู่ ๒ รูป คือ
๐๑.พระปลัดทองและ
๐๒.พระอธิการปาน
มีบทบาทและความสำคัญอย่างมากในการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆ ให้ แก่หลวงปู่ หากแต่ยังมีบางเรื่องที่ไม่กระจ่างชัดคือ หลวงปู่เรียนวิชาการส้ราง "เบี้ยแก้" มาจากพระอาจารย์ ท่านใด ที่ยกเอาเรื่องเบี้ยแก้ขึ้นมาพูดถึงก่อนเพราะเหตุว่าในกระบวนเครื่องรางของขลังที่หลวงปู่บุญสร้างไว ้ เบี้ยแก้ของท่านจัดอยู่ในอันดับยอดเครื่องรางที่ทุกคนต่างก็ปรารถนาจะได้ไว้ในครอบครอง ใครคืออาจารย์ "เบี้ยแก้" ของหลวงปู่ การที่หยิบยกเอาความเข้าใจที่ไม่สอดคล้องกันเรื่องการเรียนเบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญนั้น หาได้มีความ ประสงค์จะเป็นผู้ตัดสิน หรือชี้ขาดว่าข้อมูลไหนถูกต้องและอันไหนผิดพลาด หากแต่ต้องการแสดงทัศนะ ส่วนตัวเพื่อจะได้ร่วมกันคิดและวินิจฉัยว่า อันไหนจะใกล้เคียงความเป็นจริงกว่ากันบางท่านบอกว่าหลวงปู่ บุญเรียนวิชาทำเบี้ยแก้มาจากหลวงปู่รอด วัดโคนอน (ผู้เป็นอาจารย์ของพระภวนาโกศลเถระ (เอี่ยม) หรือ เจ้าคุณเฒ่าวัดหนัง) บ้างก็ว่าเรียนมาจากอาจารย์ฆราวาสชาวมอญ ซึ่ง เร่ร่อนมาจอดเรือหน้าวัดหรือบางท่าน บอกว่าเรียนมาจากหลวงปู่รอด วัดนายโรงหรือหลวงปู่แขกผู้เป็นชีปะขาว ก่อนที่ผู้เขียนจะแสดงทัศนะส่วนตัว เรื่องวิชาเบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญนั้นเราลองมาทำความรู้ จัดกับเบี้ยแก้ก่อน เบี้ยแก้คืออะไร เบี้ยแก้ คือ เครื่องรางชนิดหนึ่ง ซึ่งมีอุปเท่ห์การใช้มากมายหลายอย่าง ทั้งกันและแก้สิ่งชั่วร้ายเสนียด จัญไร คุณไสย คุณคน คุณผี ยาเบื่อ ยาเมา ทั้งหลาย คณาจารย์ยุคเก่าที่สร้างเครื่องรางประเภทเบี้ยแก้ เอาไว้มีด้วยกันหลายรูป แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด เห็นจะมีอยู่เพียง ๒ รูปคือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว และหลวงปู่รอด วัดนายโรง นอกนั้นก็มีชื่อเสียงอยู่เฉพาะพื้นที่ เช่น หลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์ จ.อ่างทอง , หลวงพ่อม่วง, หลวงพ่อทัต, หลวงพ่อพลอย วัดคฤหบดี บางยี่ขัน, หลวงพ่อแขก วัดบางบำหรุ, หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ, หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน จ.อ่างทอง และมีอาจารย์อื่นอีกที่สร้างได้แต่ไม่แพร่หลาย วิธีการสร้างเบี้ยแก้ เมื่อหาตัวเบี้ยมาได้แล้ว (เบี้ยพวกนี้ไม่ค่อยพบในบ้านเรา สมัยก่อนต้องหาซื้อตามร้านเครื่องยาจีน เข้าใจว่าเบี้ยที่นำมาใช้นี้จะถูกนำเข้ามาพร้อมกับสินค้าจากประเทศจีนในอดีต.....ผู้เขียน) คณาจารย์ ผู้สร้างก็บรรจุปรอทที่ปลุกเสกแล้วเข้าไปในตัวเบี้ย แล้วหาวิธีอุดมิให้ปรอทไหลออกมาได้ (ปรอทที่ใช้ นี้เป็นปรอท หรือปรอทดินโบราณมีวิธีการจับปรอทโดยนำไข่เน่าไปทิ้งไว้ในน้ำครำไม่ช้าปรอทจะกิน ไข่เน่าจนเต็ม) ปรอทมีคุณสมบัติเป็นของเหลวลื่นไหลการจะนำปรอทมาบรรจุเบี้ยแก้ คณาจารย์ผู้สร้างจำต้องมีพระเวท เข้มขลัง เพราะต้องใช้พระเวทฆ่าปรอทหรือบังคับให้ปรอทรวมตัวกันอยู่ในเบี้ยบางราย ถึงกับบริกรรมพระเวท เรียกปรอทเข้าในตัวเบี้ยได้เอง การปิดปากเบี้ยเพื่อกันไม่ให้ปรอทไหลออกมาได้นั้นนิยมเอาชันโรงใต้ดิน ที่ปลุกเสกแล้วมาอุดใต้ท้องเบี้ยให้สนิทเรียบร้อย แล้วจึงหุ้มด้วยวัสดุอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ผ้าแดง แผ่นตะกั่ว แผ่นทองแดง วัสดุที่ใช้หุ้มหรือปิดนี้ก็ต้องลงอักขระเลขยันต์และปลุกเสกกำกับด้วย เช่นเบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วจะมีลวดทองแดงขดเป็นห่วง ๓ ห่วง เพื่อให้ใช้เชือกคล้องคาดเอว เบี้ยแก้ที่ผ่านการบรรจุปรอทจนกระทั่งถักหุ้มเรียบร้อยแล้ว ก็ยังไม่ถือว่าเสร็จสิ้นขึ้นตอนกรรมวิธี เพราะคณาจารย์เจ้าผู้สร้างท่านต้องปลุกเสกกำกับอีกจนมั่นใจว่าใช้ได้จริงๆ แล้วเล่ากันว่า คณาจารย์บางรูป สามารถปลุกเสกเบี้ยแก้ จนกระทั่งตัวเบี้ยคลานได้ เรื่องนี้ไม่ใช่ผู้เขียนเขียนขึ้นมาเอง หากแต่ได้รับการบอก เล่าจากหลวงพ่อพระครูรัตนโสภณ เจ้าอาวาสวัดบางบำหรุ ซึ่งท่านกรุณาเล่าว่า สมภารฉายอาจารย์ของท่าน และเป็นเจ้าอาวาสวัดบางบำหรุก่อนท่านเคยสร้างเบี้ยแก้เอาไว้ และสามารถปลุกเสกเบี้ยแก้จนตัวเบี้ย คลานได้เหมือนหอย เมื่อเขียนมาถึงตรงนี้ ก็จะเข้าประเด็นที่ ขึ้นต้นเอาไว้ว่า หลวงปู่บุญท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาเบี้ยแก้มาจากท่านใด ตามทัศนะของผู้เขียน ไม่เห็นด้วยกับข้อมูลที่บอกว่าหลวงปู่บุญ ท่านเรียนเบี้ยแก้มาจากหลวงปู่แขก ซึ่งบางท่านบอกว่าเป็นชีปะขาวบางท่านบอกว่าเป็นสมภารวัดบางบำหรุ และยังระบุต่อไปอีกว่า หลวงปู่แขก ที่กล่าวถึงนี้เป็นอาจารย์ของหลวงปู่รอด วัดนายโรง ตามข้อมูลที่ผู้เขียนสืบค้นได้นั้น หลวงปู่รอดวัดนายโรง ท่านมีชีวิตอยู่ก่อนหน้าหลวงปู่แขกนานนัก และหลวงปู่แขกที่ว่านี้ ก็มิได้เป็นชีปะขาว หากแต่เป็นสมภารวัดบางบำหรุต่อจากสมภารพรหมเจ้าอาวาส วัดบางบำหรุรูปแรก เท่าที่มีประวัติคือ สมภารพรหมครองวัดบางบำหรุอยู่ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๕๖-๒๔๖๑ ถัดมาก็เป็นสมภารแขกซึ่งบอกไว้แต่เพียงว่าตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๖๑ ถัดจากสมภารแขกก็เป็นสมภารฉาย ครองวัดอยู่จนถึง พ.ศ. ๒๔๘๐ หากจะคำนวณอายุดู หลวงปู่แขกไม่น่าจะมีอายุแก่กว่าหลวงปู่บุญ อย่างมากก็คงจะรุ่นราวคราวเดียวกัน หรืออาจจะอ่อนกว่าเสียด้วยซ้ำเพราะหลวงพ่อรัตน์เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า "เมื่อท่านยังเป็นเด็กวัดอยู่นั้น สมภารแขกมี ชื่อเสียงโด่งดังมาก อายุขณะนั้นประมาณ ๗๐-๘๐ ปี หากนับ ถึงปัจจุบันก็คงจะรุ่นๆ เดียวกับหลวงปู่บุญ จึงเป็นไปไม่ได้ที่สมภารแขกจะเป็นอาจารย์ของหลวงปู่รอด และหลวงปู่บุญ แต่อาจเป็นไปได้ว่า หลวงปู่รอดที่เป็นอาจารย์ถ่ายทอดวิชาเบี้ยแก้ให้กับหลวงปู่บุญ และหลวงปู่แขก เพราะหลวงปู่รอดนั้นท่านมีอายุนั้นในรุ่นหลังของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ไม่มากนัก (คงมีอายุห่างจากสมเด็จฯ ประมาณ ๓๐ ปี-ผู้เขียน) ตามหลังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักรซึ่งกรมาการศาสนาเป็นผู้จัดพิมพ์นั้น ระบุว่าหลวงปู่รอดเป็น สมภารรูปแรกของวัดนายโรง เพราะฉะนั้นในกระบวนเบี้ยแก้ทั้งหมดเท่าที่พบเห็นกันอยู่ต้องถือว่า เบี้ยแก้ ของหลวงปู่รอดวัดนายโรงเก่าแก่ที่สุด ส่วนสาเหตุที่น่าเชื่อว่าหลวงปู่แขกกับหลวงปู่บุญ มีความสัมพันธ์ กันก็เพราะว่า พื้นเพเดิมของหลวงปู่แขกนั้น ท่านเป็นชาวนครชัยศรีเช่นเดียวกับหลวงปู่บุญจึงน่าจะเป็น ไปได้ว่า หลวงปู่บุญท่านอาจจะไปมาหาสู่กับหลวงปู่แขก และได้มาทราบกิติศัพท์และเกียรติคุณของ หลวงปู่รอด วัดนายโรง เมื่อคราวมาเยี่ยมหลวงปู่แขกที่วัดบางบำหรุ จึงได้ขอเรียนวิชาทำเบี้ยแก้กับ หลวงปู่รอด อนึ่งหลวงพ่อรัตน์วัดบางบำหรุเล่าว่า สมภารพรหม เจ้าอาวาสวัดบางบำหรุก่อนหลวงปู่แขกก็อยู่ใน ฐานะศิษย์ของหลวงปู่รอด วัดนายโรง เอาละครับผู้เขียนขอเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างเบี้ยแก้ ของหลวงปู่บุญไว้เพียงเท่านี้ ผิดถูกเท็จจริงประการใดขอให้อยู่ในดุลยพินิจของท่านผู้รู้ทั้งหลายด้วย อิทธิคุณและพิธีกรรมการใช้เบี้ยแก้ ข้ออธิบายต่อไปนี้ คัดลอกจากต้นฉบับเดิมของวัดกลางบางแก้ว เพื่อให้ท่านที่มีเบี้ยแก้ได้ทราบถึง อิทธิคุณและการใช้อย่างถูกต้อง อันจะบังเกิดผลดีแก่ผู้ใช้ - ป้องกันอัตวิบากกรรม แก้ภาพหลอน จิตรหลอน ภาพอุปทาน แก้อำนาจภูผีปีศาจ อาถรรพณ์เวททำให้ มัวเมาขลาดกลัว ขนพองสยองเกล้า ลมเพลมพัด คุณไสย คุณผี คุณคนทั้งปวงอุบาทวเหตุ อุบาทวภัย ทั้งปวง มัวเมายาพิษ ยาสั่งทั้งหลาย ไข้ป่า ไข้ป้าง ไข่ผีป่า ผีโป่ง ผีปอบ ต้องกระทำจากภูตผี ผีพราย ผีตายโหง กองกอยวิกลจริต จิตวิกลวิกาล วิญญาณ อุปาทานวิกลเหมือนผีเข้าเจ้าสิงสู่ปราศจากสิ้นแล - ให้อธิษฐานเอาน้ำมนต์ เอาดอกพุทธรักษาดอกไม้ ดอกเข็มแดงหลากสี ตั้งขันธูปเทียน ขันห้า ข้าวตอก ดอกไม้แก้บาทวพิษ บาทยัก อัมพาต บาดแผล ฝีมะเร็ง ฝีคุณ หัวพิษ หัวกาฬ ทรางชัก รางขนพอง สันนิบาตลูกหมา ลูกนก หลังแอ่น คางแข็ง บ้าหมู ภายนอกภายใน อาบกินด้วย ตั้งจิตหน่วงลง ในคุณพระศรีรัตนตรัยใช้ได้แล - เมื่อเข้าศึกสงครามให้เอาไว้ด้านหน้าสารพัดศัตรู บีทาย่ำรุกไล่ให้เอาไว้ด้านหลัง หาเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เจ้าขุนมูลนาย ให้เอาไว้ด้านข้างขวา เมื่อหาหญิง หานางพญาไว้ข้างซ้าย สารพัดศาสตรามิต้องข้างกายเลย ดุจฝนเสนห่า ข้าวปลาอาหารเป็นพิษ คางแข็ง เคี้ยวไม่กลืนเลยแล - ปลิงก็ดี ทากร้ายก็ดี มีในป่ามืด ในน้ำห้วยหนอง คลองบึง มันไม่เก่าะกินเลือดทั้งวัวทั้งควาย ช้างม้า ก็ดีแล แก้งูพิษ เขี้ยวขนอน แมวเซา เห่าแก้วก็ดีมิต้องกายมาขบกัดเลยแล คาถาปลุกเสกเบี้ยแก้หลวงปู่บุญ "เบี้ยแก้ตัวนี้สำคัญนัก พ่อค้าแม่ขายจักหมั่นไว้บูชา จะไต่เต้าเจ้าสัวแสนทะนาน จักให้คุณ เป็นถึงท้าวเจ้าพระยาพานทอง ทรัพย์สินสิ่งของเต็มวัง อีกช้าง ม้า วัว ควาย นับได้เหลือหลาย หลวงปู่เฒ่าเจ้าสั่งสิ่งอาถรรพ์ อาเพศอัปมงคลทุกข์ภัยพิบัติทั้งยาสั่งให้อันตรธานสิ้นไป ศัตรู ปองร้ายให้พ่ายแพ้ภัยตัว ขึ้นโรงขึ้นศาล จะชนะปลอดทุกคดีความ สิงห์สาราสัตว์สารพัดร้าย ปืนผาหน้าไม้ ผีป่า ผีปอบ ผีโป่ง ทั้งโขยง มิกล้ากล้ำกราย หากมีเหตุเภทร้ายอันตราย จะบอก กล่าวเตือนว่าจงอย่าไปแล"เป็นความรู้เล็กๆครับ"ขอขอบคุณเอกสารข้อมูลจากวัดกลางบางแก้ว"
ผู้เข้าชม
2164 ครั้ง
ราคา
-
สถานะ
ขายแล้ว
โดย
แดงสิชล
ชื่อร้าน
ยังไม่เปิดร้านค้า
ร้านค้า
-
โทรศัพท์
0907178757.......0945782578
ไอดีไลน์
dangsichon785785
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกรุงเทพ / 692-0-04529-8
เหรียญรุ่นแรก พ่อท่านช่วง วัดข
เบี้ย หอย แร่บางไผ่ ยุคนี้เล่น
แหวนพิรอดหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบั
เหรียญ อ-ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ
พระฃัย สุคโต บังเกิดทรัพ วัดสุ
ลูกสะกด แร่บางไผ่
ผ้ายันต์ แม่นางกวัก หลวงพ่อปลอ
ปลาหลิ่มเจ้าท่า ปลาช่อนเจ้าหนอ
เบี้ยแก้หลวงพ่อไพล วัดบางแคกลา
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
ลงพระฟรี
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ลืมรหัสผ่าน
ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
Erawan
someman
Le29Amulet
ยุ้ย พลานุภาพ
chaithawat
kaew กจ.
Putanarinton
fuchoo18
สยามพระเครื่องไทย
holypanyadvm
NongBoss
พระดี46
ก้อง วัฒนา
ภูมิ IR
เสือรากไทร
Pannee26
Chumphol
บ้านพระสมเด็จ
บ้านพระหลักร้อย
ep8600
สายน้ำอุ่น
เจริญสุข
Airphaputorn
กรัญระยอง
Achi
หมี คุณพระช่วย
natthanet
RAPIN
Nithiporn
Muthita
ผู้เข้าชมขณะนี้ 690 คน
เพิ่มข้อมูล
เบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ใบประกาศที่2งานนครล่าสุด
ส่งข้อความ
ชื่อพระเครื่อง
เบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ใบประกาศที่2งานนครล่าสุด
รายละเอียด
@>>>สุดยอดเครื่องรางเบญจภาคี ทั้ง ๕ ชนิด อันประกอบไปด้วย
๑. ตะกรุดมงคลโสฬสของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง
๒. เบี้ยแก้ หลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว
๓. กะลาพระราหูหลวงพ่อน้อยวัดศรีษะทอง
๔. เสือ หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย
๕. หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน
และที่จะกล่าวต่อไปนี้ก็คือหนึ่งในเครื่องรางแห่งเบญจภาคี ที่โดนเอ่ยถึงคือ เบี่ยแก้ หลวงปู่บุญแห่งวัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม จังหวัดที่มีพระเถระที่เพียบพร้อมด้วยเวชวิทยาคมรวมกันอยู่มากที่สุด! ดังเช่นการศึกษาพุทธาคมและการสร้างพระเครื่องและเครื่องรางของหลวงปู่บุญ_การศึกษาพุทธาคมและการสร้างพระเครื่องและเครื่องรางของหลวงปู่บุญ_หลวงปู่บุญถูกจัดอันดับอยู่ในยอดเกจิ ผู้เข้มขลังทางพระเวท ที่มีตบะสมาธิและวิถีแห่งญาณแก่กล้า จนเป็นที่ยอมรับยกย่องของพระคณาจารย์ร่วมยุคร่วมสมัยหลายรูป อาทิเช่น สมเด็จพระสังฆราช (แพ) แห่งวัดสุทัศน์เทพวราราม หลวงพ่อทับ วัดทอง (วัดสุวรรณาราม) คลองบางกอกน้อย หลวงปู่นาค วัดห้วยจรเข้และอีกหลายๆ รูป ด้วยความเชี่ยวชาญเข้มขลังในพระเวททำให้พระเครื่องและวัตถุมงคล ที่หลวงปู่สร้างมีเกียรติคุณ ชื่อเสียงขจรขจาย เป็นที่เสาะแสวงหาของคนรุ่นปู่รุ่นทวดลงมาจนถึงชั้นพวกเรา ด้วยวัตถุมงคลของหลวงปู่ มีมากชนิดและมากด้วยประสบการณ์ จึงทำให้พวกเราต่างอยากจะรู้ว่าครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดพระเวท และพุทธาคมให้กับหลวงปู่คือท่านใดบ้าง เรื่องนี้ได้กล่าวถึงมาบ้างแล้ว ว่าอาจารย์ของหลวงปู่ ๒ รูป คือ
๐๑.พระปลัดทองและ
๐๒.พระอธิการปาน
มีบทบาทและความสำคัญอย่างมากในการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆ ให้ แก่หลวงปู่ หากแต่ยังมีบางเรื่องที่ไม่กระจ่างชัดคือ หลวงปู่เรียนวิชาการส้ราง "เบี้ยแก้" มาจากพระอาจารย์ ท่านใด ที่ยกเอาเรื่องเบี้ยแก้ขึ้นมาพูดถึงก่อนเพราะเหตุว่าในกระบวนเครื่องรางของขลังที่หลวงปู่บุญสร้างไว ้ เบี้ยแก้ของท่านจัดอยู่ในอันดับยอดเครื่องรางที่ทุกคนต่างก็ปรารถนาจะได้ไว้ในครอบครอง ใครคืออาจารย์ "เบี้ยแก้" ของหลวงปู่ การที่หยิบยกเอาความเข้าใจที่ไม่สอดคล้องกันเรื่องการเรียนเบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญนั้น หาได้มีความ ประสงค์จะเป็นผู้ตัดสิน หรือชี้ขาดว่าข้อมูลไหนถูกต้องและอันไหนผิดพลาด หากแต่ต้องการแสดงทัศนะ ส่วนตัวเพื่อจะได้ร่วมกันคิดและวินิจฉัยว่า อันไหนจะใกล้เคียงความเป็นจริงกว่ากันบางท่านบอกว่าหลวงปู่ บุญเรียนวิชาทำเบี้ยแก้มาจากหลวงปู่รอด วัดโคนอน (ผู้เป็นอาจารย์ของพระภวนาโกศลเถระ (เอี่ยม) หรือ เจ้าคุณเฒ่าวัดหนัง) บ้างก็ว่าเรียนมาจากอาจารย์ฆราวาสชาวมอญ ซึ่ง เร่ร่อนมาจอดเรือหน้าวัดหรือบางท่าน บอกว่าเรียนมาจากหลวงปู่รอด วัดนายโรงหรือหลวงปู่แขกผู้เป็นชีปะขาว ก่อนที่ผู้เขียนจะแสดงทัศนะส่วนตัว เรื่องวิชาเบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญนั้นเราลองมาทำความรู้ จัดกับเบี้ยแก้ก่อน เบี้ยแก้คืออะไร เบี้ยแก้ คือ เครื่องรางชนิดหนึ่ง ซึ่งมีอุปเท่ห์การใช้มากมายหลายอย่าง ทั้งกันและแก้สิ่งชั่วร้ายเสนียด จัญไร คุณไสย คุณคน คุณผี ยาเบื่อ ยาเมา ทั้งหลาย คณาจารย์ยุคเก่าที่สร้างเครื่องรางประเภทเบี้ยแก้ เอาไว้มีด้วยกันหลายรูป แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด เห็นจะมีอยู่เพียง ๒ รูปคือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว และหลวงปู่รอด วัดนายโรง นอกนั้นก็มีชื่อเสียงอยู่เฉพาะพื้นที่ เช่น หลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์ จ.อ่างทอง , หลวงพ่อม่วง, หลวงพ่อทัต, หลวงพ่อพลอย วัดคฤหบดี บางยี่ขัน, หลวงพ่อแขก วัดบางบำหรุ, หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ, หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน จ.อ่างทอง และมีอาจารย์อื่นอีกที่สร้างได้แต่ไม่แพร่หลาย วิธีการสร้างเบี้ยแก้ เมื่อหาตัวเบี้ยมาได้แล้ว (เบี้ยพวกนี้ไม่ค่อยพบในบ้านเรา สมัยก่อนต้องหาซื้อตามร้านเครื่องยาจีน เข้าใจว่าเบี้ยที่นำมาใช้นี้จะถูกนำเข้ามาพร้อมกับสินค้าจากประเทศจีนในอดีต.....ผู้เขียน) คณาจารย์ ผู้สร้างก็บรรจุปรอทที่ปลุกเสกแล้วเข้าไปในตัวเบี้ย แล้วหาวิธีอุดมิให้ปรอทไหลออกมาได้ (ปรอทที่ใช้ นี้เป็นปรอท หรือปรอทดินโบราณมีวิธีการจับปรอทโดยนำไข่เน่าไปทิ้งไว้ในน้ำครำไม่ช้าปรอทจะกิน ไข่เน่าจนเต็ม) ปรอทมีคุณสมบัติเป็นของเหลวลื่นไหลการจะนำปรอทมาบรรจุเบี้ยแก้ คณาจารย์ผู้สร้างจำต้องมีพระเวท เข้มขลัง เพราะต้องใช้พระเวทฆ่าปรอทหรือบังคับให้ปรอทรวมตัวกันอยู่ในเบี้ยบางราย ถึงกับบริกรรมพระเวท เรียกปรอทเข้าในตัวเบี้ยได้เอง การปิดปากเบี้ยเพื่อกันไม่ให้ปรอทไหลออกมาได้นั้นนิยมเอาชันโรงใต้ดิน ที่ปลุกเสกแล้วมาอุดใต้ท้องเบี้ยให้สนิทเรียบร้อย แล้วจึงหุ้มด้วยวัสดุอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ผ้าแดง แผ่นตะกั่ว แผ่นทองแดง วัสดุที่ใช้หุ้มหรือปิดนี้ก็ต้องลงอักขระเลขยันต์และปลุกเสกกำกับด้วย เช่นเบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วจะมีลวดทองแดงขดเป็นห่วง ๓ ห่วง เพื่อให้ใช้เชือกคล้องคาดเอว เบี้ยแก้ที่ผ่านการบรรจุปรอทจนกระทั่งถักหุ้มเรียบร้อยแล้ว ก็ยังไม่ถือว่าเสร็จสิ้นขึ้นตอนกรรมวิธี เพราะคณาจารย์เจ้าผู้สร้างท่านต้องปลุกเสกกำกับอีกจนมั่นใจว่าใช้ได้จริงๆ แล้วเล่ากันว่า คณาจารย์บางรูป สามารถปลุกเสกเบี้ยแก้ จนกระทั่งตัวเบี้ยคลานได้ เรื่องนี้ไม่ใช่ผู้เขียนเขียนขึ้นมาเอง หากแต่ได้รับการบอก เล่าจากหลวงพ่อพระครูรัตนโสภณ เจ้าอาวาสวัดบางบำหรุ ซึ่งท่านกรุณาเล่าว่า สมภารฉายอาจารย์ของท่าน และเป็นเจ้าอาวาสวัดบางบำหรุก่อนท่านเคยสร้างเบี้ยแก้เอาไว้ และสามารถปลุกเสกเบี้ยแก้จนตัวเบี้ย คลานได้เหมือนหอย เมื่อเขียนมาถึงตรงนี้ ก็จะเข้าประเด็นที่ ขึ้นต้นเอาไว้ว่า หลวงปู่บุญท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาเบี้ยแก้มาจากท่านใด ตามทัศนะของผู้เขียน ไม่เห็นด้วยกับข้อมูลที่บอกว่าหลวงปู่บุญ ท่านเรียนเบี้ยแก้มาจากหลวงปู่แขก ซึ่งบางท่านบอกว่าเป็นชีปะขาวบางท่านบอกว่าเป็นสมภารวัดบางบำหรุ และยังระบุต่อไปอีกว่า หลวงปู่แขก ที่กล่าวถึงนี้เป็นอาจารย์ของหลวงปู่รอด วัดนายโรง ตามข้อมูลที่ผู้เขียนสืบค้นได้นั้น หลวงปู่รอดวัดนายโรง ท่านมีชีวิตอยู่ก่อนหน้าหลวงปู่แขกนานนัก และหลวงปู่แขกที่ว่านี้ ก็มิได้เป็นชีปะขาว หากแต่เป็นสมภารวัดบางบำหรุต่อจากสมภารพรหมเจ้าอาวาส วัดบางบำหรุรูปแรก เท่าที่มีประวัติคือ สมภารพรหมครองวัดบางบำหรุอยู่ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๕๖-๒๔๖๑ ถัดมาก็เป็นสมภารแขกซึ่งบอกไว้แต่เพียงว่าตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๖๑ ถัดจากสมภารแขกก็เป็นสมภารฉาย ครองวัดอยู่จนถึง พ.ศ. ๒๔๘๐ หากจะคำนวณอายุดู หลวงปู่แขกไม่น่าจะมีอายุแก่กว่าหลวงปู่บุญ อย่างมากก็คงจะรุ่นราวคราวเดียวกัน หรืออาจจะอ่อนกว่าเสียด้วยซ้ำเพราะหลวงพ่อรัตน์เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า "เมื่อท่านยังเป็นเด็กวัดอยู่นั้น สมภารแขกมี ชื่อเสียงโด่งดังมาก อายุขณะนั้นประมาณ ๗๐-๘๐ ปี หากนับ ถึงปัจจุบันก็คงจะรุ่นๆ เดียวกับหลวงปู่บุญ จึงเป็นไปไม่ได้ที่สมภารแขกจะเป็นอาจารย์ของหลวงปู่รอด และหลวงปู่บุญ แต่อาจเป็นไปได้ว่า หลวงปู่รอดที่เป็นอาจารย์ถ่ายทอดวิชาเบี้ยแก้ให้กับหลวงปู่บุญ และหลวงปู่แขก เพราะหลวงปู่รอดนั้นท่านมีอายุนั้นในรุ่นหลังของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ไม่มากนัก (คงมีอายุห่างจากสมเด็จฯ ประมาณ ๓๐ ปี-ผู้เขียน) ตามหลังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักรซึ่งกรมาการศาสนาเป็นผู้จัดพิมพ์นั้น ระบุว่าหลวงปู่รอดเป็น สมภารรูปแรกของวัดนายโรง เพราะฉะนั้นในกระบวนเบี้ยแก้ทั้งหมดเท่าที่พบเห็นกันอยู่ต้องถือว่า เบี้ยแก้ ของหลวงปู่รอดวัดนายโรงเก่าแก่ที่สุด ส่วนสาเหตุที่น่าเชื่อว่าหลวงปู่แขกกับหลวงปู่บุญ มีความสัมพันธ์ กันก็เพราะว่า พื้นเพเดิมของหลวงปู่แขกนั้น ท่านเป็นชาวนครชัยศรีเช่นเดียวกับหลวงปู่บุญจึงน่าจะเป็น ไปได้ว่า หลวงปู่บุญท่านอาจจะไปมาหาสู่กับหลวงปู่แขก และได้มาทราบกิติศัพท์และเกียรติคุณของ หลวงปู่รอด วัดนายโรง เมื่อคราวมาเยี่ยมหลวงปู่แขกที่วัดบางบำหรุ จึงได้ขอเรียนวิชาทำเบี้ยแก้กับ หลวงปู่รอด อนึ่งหลวงพ่อรัตน์วัดบางบำหรุเล่าว่า สมภารพรหม เจ้าอาวาสวัดบางบำหรุก่อนหลวงปู่แขกก็อยู่ใน ฐานะศิษย์ของหลวงปู่รอด วัดนายโรง เอาละครับผู้เขียนขอเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างเบี้ยแก้ ของหลวงปู่บุญไว้เพียงเท่านี้ ผิดถูกเท็จจริงประการใดขอให้อยู่ในดุลยพินิจของท่านผู้รู้ทั้งหลายด้วย อิทธิคุณและพิธีกรรมการใช้เบี้ยแก้ ข้ออธิบายต่อไปนี้ คัดลอกจากต้นฉบับเดิมของวัดกลางบางแก้ว เพื่อให้ท่านที่มีเบี้ยแก้ได้ทราบถึง อิทธิคุณและการใช้อย่างถูกต้อง อันจะบังเกิดผลดีแก่ผู้ใช้ - ป้องกันอัตวิบากกรรม แก้ภาพหลอน จิตรหลอน ภาพอุปทาน แก้อำนาจภูผีปีศาจ อาถรรพณ์เวททำให้ มัวเมาขลาดกลัว ขนพองสยองเกล้า ลมเพลมพัด คุณไสย คุณผี คุณคนทั้งปวงอุบาทวเหตุ อุบาทวภัย ทั้งปวง มัวเมายาพิษ ยาสั่งทั้งหลาย ไข้ป่า ไข้ป้าง ไข่ผีป่า ผีโป่ง ผีปอบ ต้องกระทำจากภูตผี ผีพราย ผีตายโหง กองกอยวิกลจริต จิตวิกลวิกาล วิญญาณ อุปาทานวิกลเหมือนผีเข้าเจ้าสิงสู่ปราศจากสิ้นแล - ให้อธิษฐานเอาน้ำมนต์ เอาดอกพุทธรักษาดอกไม้ ดอกเข็มแดงหลากสี ตั้งขันธูปเทียน ขันห้า ข้าวตอก ดอกไม้แก้บาทวพิษ บาทยัก อัมพาต บาดแผล ฝีมะเร็ง ฝีคุณ หัวพิษ หัวกาฬ ทรางชัก รางขนพอง สันนิบาตลูกหมา ลูกนก หลังแอ่น คางแข็ง บ้าหมู ภายนอกภายใน อาบกินด้วย ตั้งจิตหน่วงลง ในคุณพระศรีรัตนตรัยใช้ได้แล - เมื่อเข้าศึกสงครามให้เอาไว้ด้านหน้าสารพัดศัตรู บีทาย่ำรุกไล่ให้เอาไว้ด้านหลัง หาเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เจ้าขุนมูลนาย ให้เอาไว้ด้านข้างขวา เมื่อหาหญิง หานางพญาไว้ข้างซ้าย สารพัดศาสตรามิต้องข้างกายเลย ดุจฝนเสนห่า ข้าวปลาอาหารเป็นพิษ คางแข็ง เคี้ยวไม่กลืนเลยแล - ปลิงก็ดี ทากร้ายก็ดี มีในป่ามืด ในน้ำห้วยหนอง คลองบึง มันไม่เก่าะกินเลือดทั้งวัวทั้งควาย ช้างม้า ก็ดีแล แก้งูพิษ เขี้ยวขนอน แมวเซา เห่าแก้วก็ดีมิต้องกายมาขบกัดเลยแล คาถาปลุกเสกเบี้ยแก้หลวงปู่บุญ "เบี้ยแก้ตัวนี้สำคัญนัก พ่อค้าแม่ขายจักหมั่นไว้บูชา จะไต่เต้าเจ้าสัวแสนทะนาน จักให้คุณ เป็นถึงท้าวเจ้าพระยาพานทอง ทรัพย์สินสิ่งของเต็มวัง อีกช้าง ม้า วัว ควาย นับได้เหลือหลาย หลวงปู่เฒ่าเจ้าสั่งสิ่งอาถรรพ์ อาเพศอัปมงคลทุกข์ภัยพิบัติทั้งยาสั่งให้อันตรธานสิ้นไป ศัตรู ปองร้ายให้พ่ายแพ้ภัยตัว ขึ้นโรงขึ้นศาล จะชนะปลอดทุกคดีความ สิงห์สาราสัตว์สารพัดร้าย ปืนผาหน้าไม้ ผีป่า ผีปอบ ผีโป่ง ทั้งโขยง มิกล้ากล้ำกราย หากมีเหตุเภทร้ายอันตราย จะบอก กล่าวเตือนว่าจงอย่าไปแล"เป็นความรู้เล็กๆครับ"ขอขอบคุณเอกสารข้อมูลจากวัดกลางบางแก้ว"
ราคาปัจจุบัน
-
จำนวนผู้เข้าชม
2354 ครั้ง
สถานะ
ขายแล้ว
โดย
แดงสิชล
ชื่อร้าน
ยังไม่เปิดร้านค้า
URL
-
เบอร์โทรศัพท์
0907178757.......0945782578
ID LINE
dangsichon785785
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกรุงเทพ / 692-0-04529-8
กำลังโหลดข้อมูล
หน้าแรกลงพระฟรี